กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ท คืออะไร?

ในยุคที่บรรจุภัณฑ์ไม่ใช่แค่สิ่งห่อหุ้มสินค้า แต่กลายเป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง “กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ท” จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมของแบรนด์ที่ต้องการทั้งความแข็งแรงและภาพลักษณ์ที่สวยงาม วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับกล่องชนิดนี้ให้ลึกซึ้ง เพื่อให้คุณรู้และเข้าใจ ก่อนตัดสินใจเลือกใช้งาน

กล่องออฟเซ็ทประกบลูกฟูก คืออะไร?

กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ท (Offset Mounted Corrugated Box) คือกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษลูกฟูก ซึ่งมีโครงสร้างลอนเพื่อเพิ่มความแข็งแรง แล้วนำกระดาษพิมพ์ลวดลายด้วยระบบออฟเซ็ท (Offset Printing) มาประกบติดบนผิวด้านนอกของกล่องอีกชั้นหนึ่ง

การประกบออฟเซ็ทนี้ช่วยให้กล่องดูสวยงามระดับพรีเมียม เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความโดดเด่น เช่น

• สินค้าแบรนด์หรู
• กล่องของขวัญ
• กล่องเครื่องสำอาง
• กล่องอาหารพรีเมียม หรือสินค้าที่มีมูลค่าสูง

แล้วกล่องออฟเซ็ทประกบลูกฟูกต่างจากกล่องลูกฟูกธรรมดาอย่างไร?

รูปแบบกล่องลูกฟูกที่นิยมใช้กับระบบประกบออฟเซ็ท

กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ท ไม่เพียงแต่ให้ความแข็งแรงจากชั้นลูกฟูกเท่านั้น แต่ยังสามารถออกแบบรูปทรงที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ที่สะท้อนแบรนด์ได้อย่างมีสไตล์ โดยแต่ละแบบมีจุดเด่นและลักษณะเฉพาะดังนี้

1.กล่องฝาชน (RSC – Regular Slotted Carton)

• ลักษณะ: กล่องทรงสี่เหลี่ยมพื้นฐาน มีฝาด้านบนและล่างที่พับเข้าหากันตรงกลาง
• ข้อดี: ประหยัดวัสดุ ประกอบง่าย เหมาะสำหรับขนส่งทั่วไป
• การใช้งาน: กล่องสินค้า กล่องบรรจุทั่วไป พัสดุออนไลน์

หากนำมาประกบออฟเซ็ท จะได้กล่องส่งสินค้าที่ดูมีแบรนด์มากขึ้น เหมาะกับ E-Commerce

2.กล่องฝาเปิดหน้า (Mailer Box)

• ลักษณะ: กล่องฝาเปิดแบบพับเข้า-ออกด้านหน้า มักมี “ลิ้นล็อก”
• ข้อดี: ดูหรูหรา เปิดง่าย เหมาะกับประสบการณ์การ “Unboxing”
• การใช้งาน: กล่องของขวัญ กล่อง Subscription Box สินค้าแฟชั่น

เมื่อพิมพ์ลวดลายด้วยออฟเซ็ทและเพิ่มลูกเล่น Spot UV จะยิ่งเสริมภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม

3.กล่องฝาครอบสองชิ้น (Top & Bottom Box)

• ลักษณะ: แยกเป็นฐานกับฝาครอบ วางซ้อนกันแบบกล่องของขวัญ
• ข้อดี: เปิดใช้งานสะดวก ดูหรูหรา สื่อภาพลักษณ์สูง
• การใช้งาน: กล่องเบเกอรี่ กล่องของพรีเมียม กล่องบรรจุภัณฑ์สินค้าหรู

เหมาะกับสินค้าที่เน้นความ “พิเศษ” หรือสินค้าตามฤดูกาล เช่น กล่องของขวัญปีใหม่

4.กล่องทรงลิ้นชัก (Drawer Box)

• ลักษณะ: คล้ายลิ้นชัก มีฐานที่ดึงออกมาได้
• ข้อดี: ใช้งานซ้ำได้ รูปทรงโดดเด่น ดูดีทุกมุม
• การใช้งาน: กล่องเครื่องสำอาง กล่องของชำร่วย กล่องผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก

เหมาะกับสินค้า Luxury เพราะให้ความรู้สึกเหมือน “กล่องเก็บของส่วนตัว”

5.กล่องทรงหนังสือ (Book Style Box)

• ลักษณะ: เปิดปิดแบบปกหนังสือ มีแถบแม่เหล็กหรือริบบิ้นเสริม
• ข้อดี: ดีไซน์สวยหรู พื้นที่พิมพ์เยอะ เหมาะกับการเล่าเรื่องแบรนด์
• การใช้งาน: กล่องบรรจุเซตของขวัญ สินค้าแฮนด์เมด สินค้ารุ่นพิเศษ

แบรนด์ที่เน้น “Storytelling” นิยมใช้รูปแบบนี้เพื่อสร้างประสบการณ์แก่ลูกค้า

ความแข็งแรงของกล่องกระดาษลูกฟูก

ในวงการบรรจุภัณฑ์ กล่องลูกฟูกถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความแข็งแรงที่แตกต่างกัน โดยวัดจาก จำนวนชั้นของกระดาษลูกฟูก ซึ่งมีตั้งแต่ 2 ชั้น ไปจนถึง 7 ชั้น โดยแต่ละประเภทมีโครงสร้างและการใช้งานที่เหมาะสมต่างกัน

1.กล่องลูกฟูก 2 ชั้น (Single Face Board)

• โครงสร้าง: กระดาษเรียบ 1 แผ่น + ลอนลูกฟูก 1 แผ่น
• ลักษณะเด่น: บางที่สุด, ยืดหยุ่น, ไม่สามารถพับขึ้นรูปเป็นกล่องได้เอง

การใช้งาน

• ใช้เป็นแผ่นรองสินค้า
• ห่อหุ้มสินค้าแทนแผ่นกันกระแทก
• รองพื้นกล่องใหญ่ หรือใช้ซ้อนระหว่างสินค้าหลายชั้น

ไม่เหมาะสำหรับทำกล่องที่ต้องพับขึ้นรูป — เพราะไม่แข็งแรงพอ แต่เหมาะสำหรับงาน “กันกระแทก” หรือ “ห่อสินค้า”

2.กล่องลูกฟูก 3 ชั้น (Single Wall)

• โครงสร้าง: กระดาษเรียบ 2 ชั้น + ลอนลูกฟูก 1 ชั้น
• เหมาะกับ: สินค้าที่มีน้ำหนักเบาถึงปานกลาง
• ใช้งานบ่อยใน: กล่องพัสดุ, เสื้อผ้า, ขนม, กล่องจัดส่งทั่วไป

3.กล่องลูกฟูก 5 ชั้น (Double Wall)

• โครงสร้าง: กระดาษเรียบ 3 ชั้น + ลอนลูกฟูก 2 ชั้น
• ความแข็งแรง: ทนแรงกระแทก/กดทับได้ดีกว่าแบบ 3 ชั้นมาก
• เหมาะกับ: สินค้าน้ำหนักมาก, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ขวดแก้ว

4.กล่องลูกฟูก 7 ชั้น (Triple Wall)

• โครงสร้าง: กระดาษเรียบ 4 ชั้น + ลอนลูกฟูก 3 ชั้น
• คุณสมบัติ: แข็งแรงสุดในกลุ่มกล่องลูกฟูก
• เหมาะกับ: สินค้าอุตสาหกรรมหนัก, การขนส่งระหว่างประเทศ, เครื่องจักร

ตารางเปรียบเทียบความแข็งแรงตามจำนวนชั้น

ความหนาของกระดาษลูกฟูก

กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ทสามารถเลือกความหนาของกระดาษได้หลายระดับ เช่น

• E Flute (1.2-1.8 มม.): บางที่สุด นิยมใช้กับกล่องขนาดเล็ก
• B Flute (2.5-3.0 มม.): แข็งแรงระดับกลาง เหมาะกับสินค้าน้ำหนักเบา-กลาง
• C Flute (3.5-4.0 มม.): ใช้กับสินค้าน้ำหนักมากขึ้น ต้องการความแข็งแรงสูง

การเลือกความหนาขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า น้ำหนัก และลักษณะการใช้งาน

สีของกระดาษลูกฟูกมีกี่สี? เลือกแบบไหนดี?

พื้นผิวของกระดาษลูกฟูกที่ใช้ทำกล่องโดยทั่วไปมีให้เลือก 2 สีหลัก ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

1.กระดาษลูกฟูกสีน้ำตาล (Kraft)

ลักษณะ: สีน้ำตาลธรรมชาติ หรือสีน้ำตาลเข้มอมทอง ดูเรียบง่ายและให้ความรู้สึกดิบๆ คลาสสิก

ข้อดี

• เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะผลิตจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล
• เหมาะกับงานที่ต้องการภาพลักษณ์ธรรมชาติหรือออร์แกนิก เช่น แบรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพ อาหารคลีน หรือสินค้าทำมือ
• ราคาถูกกว่าสีขาว

ข้อจำกัด: ไม่เหมาะกับการพิมพ์ภาพสีที่ต้องการความคมชัดสูง สีจะซึมและดรอปลง

2.กระดาษลูกฟูกสีขาว (White Kraft หรือ White Liner)

ลักษณะ: ผิวหน้าขาวสะอาด อาจมีด้านหลังเป็นน้ำตาลหรือขาวทั้งสองด้าน

ข้อดี

• เหมาะสำหรับพิมพ์ลวดลายแบบสีสันสดใส
• ให้ความคมชัดของภาพพิมพ์ดีกว่าแบบน้ำตาลมาก
• ดูพรีเมียม เหมาะกับแบรนด์สินค้าระดับกลางถึงบน

ข้อจำกัด: ราคาสูงกว่ากระดาษสีน้ำตาล และอาจสกปรกง่ายหากไม่มีเคลือบหรือหุ้มเพิ่มเติม

แล้วถ้าเป็น “กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ท” ล่ะ?

ในกรณีของ กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ท (Offset Mounted Corrugated Box) เรามัก เลือกสีของกระดาษลูกฟูกด้านใน ตามความเหมาะสม เช่น

• ถ้าต้องการกล่องที่ ดูเรียบง่าย ประหยัดต้นทุน → ใช้ ลอนลูกฟูกสีน้ำตาล ด้านใน
• ถ้าต้องการให้ดู สวยงามทั้งภายใน-ภายนอก → ใช้ ลอนลูกฟูกสีขาว ด้านในเพื่อให้เข้ากับกระดาษอาร์ตการ์ดที่พิมพ์ด้านนอก
• กรณีที่ กล่องมีช่องเปิดหรือเจาะหน้าต่าง → ควรใช้ลอนขาวเพื่อความเรียบร้อยในการมองเห็นด้านใน

แม้กระดาษออฟเซ็ทที่พิมพ์จะติดอยู่ด้านนอก แต่สีของลอนลูกฟูกด้านในก็ยัง ส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวม ของบรรจุภัณฑ์ เช่น ความพรีเมียม ความสะอาด หรือความเป็นธรรมชาติ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ท

1. ราคาสูงกว่ากล่องลูกฟูกธรรมดา เพราะมีขั้นตอนการพิมพ์และประกบเพิ่ม
2. เหมาะกับงานพรีเมียมที่ต้องการเพิ่มภาพลักษณ์แบรนด์
3. ขั้นต่ำการผลิต (MOQ) อาจเริ่มที่ 300–500 ใบขึ้นไป
4. ใช้เวลาผลิตมากกว่ากล่องทั่วไป โดยเฉลี่ย 10–15 วันทำการ
5. สามารถพิมพ์ลายเฉพาะแบรนด์ได้ทุกด้าน

สรุป

กล่องลูกฟูกประกบออฟเซ็ท คือทางเลือกที่ลงตัวระหว่างความแข็งแรงและความสวยงามระดับมืออาชีพ หากคุณต้องการยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ในสายตาผู้บริโภค พร้อมทั้งรักษาความปลอดภัยของสินค้าในระหว่างจัดส่ง บรรจุภัณฑ์ชนิดนี้คือคำตอบที่ควรค่าแก่การลงทุน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)