โฆษณาเครื่องสำอางเกินจริง ผิดกฎหมายไหม?

โฆษณาเครื่องสำอางเกินจริง ผิดกฎหมายไหม?

ปัจจุบันใครๆ ก็สามารถสร้างแบรนด์เครื่องสำอางได้ง่าย แค่โพสต์ขายหรือรีวิวก็เข้าถึงลูกค้าได้ทันที แต่รู้หรือไม่ว่า “คำพูดเพียงคำเดียว” อาจทำให้คุณถูกฟ้อง เสียเงิน หรือแม้แต่ติดคุกได้โดยไม่รู้ตัว?

บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เจ้าของแบรนด์ ผู้รีวิว และนักทำคอนเทนต์ทุกคน เข้าใจว่า “โฆษณาเครื่องสำอางเกินจริง” นั้นเสี่ยงแค่ไหน และควรระวังอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจหรือชื่อเสียงของคุณต้องพังเพราะความไม่รู้

สารบัญ

โฆษณาเครื่องสำอางแบบไหนที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย?

ถ้าคุณเคยเห็นคำว่า หน้าใสใน 3 วัน , สิวหาย 100% หรือ ผิวขาวถาวร … นี่แหละ คือตัวอย่างของคำโฆษณาที่อาจเข้าข่าย “ผิดกฎหมาย” ได้โดยตรง

ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 การโฆษณาเครื่องสำอาง ต้องไม่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลลัพธ์ ความปลอดภัย หรือคุณสมบัติที่เกินความจริง

คำที่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริงที่พบบ่อย

  • เห็นผลใน 3 วัน , ผิวขาวทันใจ , หน้าเด็กลง 10 ปี
  • รักษาฝ้าหายขาด , สิวทุกชนิดหายแน่นอน
  • อกฟู อึ๋มกระชับโดยไม่ต้องศัลยกรรม
  • ใช้แล้วไม่ต้องเลเซอร์/ไม่ต้องเข้าคลินิก
  • ช่วยลดสิวฝ้าในทันที

ตัวอย่างข้อความต้องห้าม

ประเภทตัวอย่างข้อความที่อาจผิด
ผิวขาวผิวขาวถาวรใน 7 วัน
สิว/ฝ้าหายแน่นอน 100%
อกใหญ่ขึ้น 2 ไซซ์ใน 2 สัปดาห์
เส้นผมปลูกผมใหม่ได้จริง
แม้แต่การใช้คำว่า รับประกันผลลัพธ์ หากไม่มีงานวิจัยหรือเอกสารทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน ก็อาจเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคได้เช่นกัน

คำแนะนำในการใช้คำโฆษณาอย่างปลอดภัย

  • ใช้คำว่า ช่วยให้แลดู… , ช่วยให้ผิวดูขาวใสขึ้น
  • ระบุว่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
  • หลีกเลี่ยงคำว่า หายขาด , รับประกันเห็นผล , ดีที่สุด
ตัวอย่างแบรนด์แอบอ้างสรรพคุณเกินจริง
ภาพจาก Pinterest ตัวอย่างแบรนด์แอบอ้างสรรพคุณเกินจริง

รีวิวออนไลน์หรือโพสต์ของ Influencer ถือว่าโฆษณาไหม?

รีวิวก็แค่เล่าประสบการณ์ส่วนตัว ไม่ใช่โฆษณา… จริงหรือ?
หลายคนอาจเข้าใจว่าโพสต์รีวิวใน Facebook , TikTok หรือ YouTube ไม่ถือเป็นการโฆษณา แต่ในความจริงแล้ว ถ้ารีวิวนั้นมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และมีผลประโยชน์ทางการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็อาจเข้าข่ายโฆษณาได้ทันที

เกณฑ์ที่ทำให้รีวิวกลายเป็นโฆษณา

1. ได้รับค่าจ้าง / ของฟรี / สปอนเซอร์

เช่น ได้รับครีมฟรีมารีวิว , ได้ค่าสปอนเซอร์โพสต์

2. มีการชักชวนให้ซื้อหรือคลิกลิงก์

เช่น กดลิงก์นี้เพื่อซื้อ , มีโปรวันนี้เท่านั้น!

3. ใช้คำโฆษณาเกินจริง

เช่น ใช้แล้วสิวหายชัวร์ , ขาวถาวรใน 7 วัน

ตัวอย่างคดีจริง

ในปีที่ผ่านมา มีกรณี Influencer โพสต์รีวิวครีมที่ไม่มีเลขที่จดแจ้ง พร้อมอ้างว่ารักษาฝ้าได้หายขาดใน 3 วัน ส่งผลให้ ทั้งเจ้าของแบรนด์และผู้รีวิวโดนร้องเรียนและดำเนินคดีจาก อย. การแสดงตนว่าใช้จริงแล้วให้ข้อมูลเกินจริง = มีความผิดร่วมกับผู้โฆษณา

ถ้าคุณเป็น Influencer หรือ Blogger ควรทำอย่างไร?

  • ระบุชัดเจนว่า ได้รับสินค้าสนับสนุนจากแบรนด์ใด
  • หลีกเลี่ยงการใช้คำว่า หายขาด , ดีที่สุด , ปลอดภัยแน่นอน
  • ใช้คำว่า ผลลัพธ์จากประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น
  • อย่าลืมเช็กเลขจดแจ้งของสินค้า (สามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ อย.)

ความโปร่งใส = ความปลอดภัย = ความน่าเชื่อถือ

บทลงโทษตามกฎหมายสำหรับผู้ที่โฆษณาเกินจริง

คำโฆษณาที่ดูเหมือนไม่มีอะไร อาจนำไปสู่โทษจำคุก ปรับ หรือถูกดำเนินคดีอาญา ได้ทันที โดยเฉพาะในกรณีที่มีการอ้างสรรพคุณเกินจริงโดยไม่มีหลักฐานรองรับ

กฎหมายที่เกี่ยวข้องหลักๆ มีดังนี้

พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558

  • ห้ามโฆษณาเครื่องสำอางที่อวดอ้างเกินจริง
  • ห้ามทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ

พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

  • หากพบว่าโฆษณาหลอกลวงหรือไม่เป็นธรรม จะเข้าข่ายผิดกฎหมายทันที

บทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิด

กลุ่มผู้กระทำโทษจำคุกโทษปรับ
เจ้าของผลิตภัณฑ์ / แบรนด์ไม่เกิน 6 เดือนไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ให้บริการโฆษณา (เช่น เพจ , อินฟลูเอนเซอร์)ไม่เกิน 3 เดือนไม่เกิน 25,000 บาท
หากมีการทำผิดซ้ำถูกส่งฟ้องต่อศาลทันทีเพิ่มโทษ
แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง แต่ มีส่วนร่วมในการโฆษณา ก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย

ผู้มีอำนาจดำเนินคดี

  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
  • สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
  • กสทช. (กรณีสื่อโทรทัศน์ / วิทยุ)

คำแนะนำ

  • อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใครๆ ก็ทำ เพราะการโฆษณาเกินจริงถูกจับปรับจริงในหลายกรณีแล้ว
  • หากไม่แน่ใจว่าข้อความของคุณเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรืออ้างอิงจากคู่มือของ อย.

ช่องทางในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์และการร้องเรียน

หากคุณไม่แน่ใจว่าสินค้าที่คุณใช้ รีวิวมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน หรือสงสัยว่าโฆษณาที่เห็นเข้าข่ายเกินจริงหรือไม่… คุณสามารถตรวจสอบและร้องเรียนได้ด้วยตัวเองง่ายๆ

วิธีตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

ตรวจสอบเลขที่ใบรับจดแจ้ง 10 หลัก ผ่าน 3 ช่องทางของ อย.

  1. เว็บไซต์ อย.

    www.fda.moph.go.th
    เข้าส่วน “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพ”

  2. Oryor Smart Application (โหลดได้ทั้ง iOS และ Android)

    ใช้ง่าย สแกน QR ก็ตรวจได้ทันที

  3. สายด่วน อย. โทร 1556

    สอบถามข้อมูลเลขที่จดแจ้ง , สถานะสินค้า , คำโฆษณาที่ผิด

หากพบการโฆษณาเกินจริง ต้องทำอย่างไร?

ช่องทางการแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียน

  • โทร 1556 สายด่วน อย.
  • E-mail : 1556@fda.moph.go.th
  • ผ่าน Oryor Smart Application : มีระบบแจ้งเหตุ
  • เว็บไซต์ อย. : มีฟอร์มออนไลน์ให้แจ้งข้อมูล

การแจ้งเตือนอาจช่วยให้ผู้บริโภครายอื่นไม่ตกเป็นเหยื่อ และเป็นการป้องกันปัญหาในวงกว้างได้อย่างแท้จริง

เคล็ดลับสำหรับผู้บริโภค

  • อย่าดูแค่ยอดรีวิว หรือจำนวนผู้ติดตามของ Influencer
  • ควรตรวจสอบสินค้าและบริษัทผู้ผลิตอย่างน้อย 1 ครั้ง ก่อนตัดสินใจซื้อ
  • หากเห็นโฆษณาที่เวอร์เกินจริง เก็บหลักฐาน (เช่น ภาพหน้าจอ) ไว้ก่อนแจ้ง

วิธีเขียนคำโฆษณาอย่างไรให้ไม่เสี่ยงผิดกฎหมาย

“โฆษณาให้ขายดีได้ โดยไม่ต้องพูดเวอร์” เป็นไปได้ เพียงแค่คุณรู้แนวทางที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงคำที่เข้าข่ายหลอกลวงหรือเกินจริง

เปรียบเทียบครีม 2 กระปุก ด้านซ้ายมีคำเวอร์ อีกด้านขวาเขียนแบบถูกต้อง

หลัก 3 ไม่ สำหรับการโฆษณาเครื่องสำอาง

  1. ไม่ใช้คำอวดอ้างผลลัพธ์แน่นอน
    • หลีกเลี่ยงคำว่า “หาย 100%” , “ดีที่สุด” , “เห็นผลทันที”
    • เพราะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไม่ใช่ยา ไม่มีอำนาจรักษาโรค
  2. ไม่ให้ข้อมูลคลุมเครือหรือชวนเข้าใจผิด
    • เช่น “ทำให้หน้าดูเด็กลง 10 ปี” โดยไม่มีหลักฐานอ้างอิง
  3. ไม่หลอกลวงหรืออ้างงานวิจัยเท็จ
    • ถ้าอ้างแหล่งอ้างอิง ต้องมีงานวิจัยจริงรองรับ

หลัก 3 ใช้ สำหรับการสื่อสารอย่างปลอดภัย

  1. ใช้คำว่า “ช่วยให้…” , “แลดู…”
    • เช่น “ช่วยให้ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้น” , “ช่วยบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใส”
  2. ใช้ข้อความกำกับเช่น “ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล”
    • ป้องกันความเข้าใจผิดเรื่องผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
  3. ใช้ข้อมูลจากแหล่งที่ตรวจสอบได้
    • เช่น ผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ , ข้อมูลจากอย.

ตัวอย่างเปรียบเทียบคำโฆษณา ผิด vs ถูก

คำที่ควรหลีกเลี่ยงคำที่แนะนำให้ใช้
ขาวขึ้นทันทีใน 3 วันช่วยให้ผิวแลดูขาวกระจ่างขึ้น
สิวหายแน่นอน 100%ช่วยลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว
หน้าเด็กลง 10 ปีบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
หายขาด ไม่กลับมาอีกผลลัพธ์อาจแตกต่างในแต่ละบุคคล

เทคนิคเสริมสำหรับแบรนด์ / เจ้าของกิจการ

  • เขียน Checklist ตรวจสอบคำโฆษณาก่อนโพสต์
  • ให้ทีมงานเข้าอบรมเรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับคำโฆษณา
  • ตรวจสอบคำทุกคำก่อนนำขึ้นเว็บไซต์ , แพ็กเกจ หรือโซเชียลมีเดีย

การเลือกใช้คำที่ “ชัดเจน ซื่อสัตย์ และปลอดภัย” ไม่เพียงแค่ป้องกันความผิดทางกฎหมาย แต่ยังช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

รีวิวสินค้าโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ผิดกฎหมายไหม?

ถ้ารีวิวเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวโดยไม่มีผลประโยชน์ทางการค้า เช่น ไม่ได้รับสินค้า ไม่ได้ค่าตอบแทน และไม่มีการแฝงลิงก์หรือขายโดยตรง ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ารีวิวมีแนวโน้มจูงใจให้เกิดการซื้อ หรือมีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจกับแบรนด์ อาจเข้าข่ายโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวังเป็นพิเศษ

คำว่า ผลลัพธ์เห็นชัดใน 7 วัน ใช้ได้ไหม?

คำนี้ถือว่า อวดอ้างผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเข้าข่ายโฆษณาเกินจริงโดยเฉพาะถ้าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ควรใช้คำว่า ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในบางรายภายใน 7 วัน และระบุว่าผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

โพสต์ขายของใน Facebook ส่วนตัว ถือว่าเป็นโฆษณาไหม?

ใช่ ถ้าโพสต์มีเจตนาทางการค้า ไม่ว่าจะเป็น Facebook ส่วนตัว , Page หรือ Tiktok ถ้ามีเนื้อหาชักจูงการซื้อ + บรรยายคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ ถือว่าเป็นโฆษณาและต้องอยู่ภายใต้กฎหมายโฆษณาเครื่องสำอาง

หากลูกค้ารีวิวเอง แล้วเราแชร์โพสต์นั้นต่อ จะผิดไหม?

การแชร์โพสต์ของลูกค้าต้องระวังว่าโพสต์ต้นทางมีข้อความอวดอ้างเกินจริงหรือไม่ เพราะการนำมาใช้ในเชิงส่งเสริมการขาย อาจเข้าข่ายการโฆษณา แม้เจ้าของแบรนด์ไม่ได้เขียนเอง ดังนั้น ควรใช้เฉพาะรีวิวที่เป็นกลาง หรือใส่คำกำกับเสมอว่า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล

จะเช็กเลขจดแจ้งของเครื่องสำอางได้ที่ไหน?

สามารถตรวจสอบ “เลขที่ใบรับจดแจ้ง 10 หลัก” ได้ผ่าน เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th , แอปพลิเคชัน Oryor Smart หรือ โทรสายด่วน อย. 1556 หากไม่พบข้อมูล สินค้านั้นอาจยังไม่ได้รับอนุญาตให้วางจำหน่ายอย่างถูกกฎหมาย

สรุป โฆษณาอย่างไรไม่ให้พลาดท่า “ผิดกฎหมาย”

การโฆษณาเครื่องสำอางไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คำพูดเพียงคำเดียว เช่น “หายแน่นอน” , “ขาวไวทันใจ” อาจทำให้คุณถูกฟ้อง ดำเนินคดี และเสียชื่อเสียงของแบรนด์ในพริบตา

สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่าเครื่องสำอางไม่ใช่ยา ไม่สามารถรักษาโรคหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกายได้ การอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงจึงเป็นเรื่องที่กฎหมายไม่อนุญาตอย่างเด็ดขาด

สิ่งที่เจ้าของแบรนด์และผู้รีวิวควรทำ

  • ตรวจสอบข้อความโฆษณาทุกคำก่อนเผยแพร่
  • หลีกเลี่ยงคำรับประกันหรือผลลัพธ์แน่นอน
  • ใช้คำว่า “ช่วยให้แลดู…” , “ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล”
  • ตรวจสอบเลขจดแจ้งผลิตภัณฑ์ก่อนใช้หรือแนะนำ
  • ดาวน์โหลด Checklist คำโฆษณาปลอดภัยไว้ใช้ในทีม

ขอความร่วมมือสร้างวงการโฆษณาอย่างรับผิดชอบ

ธุรกิจที่เติบโตยั่งยืน คือธุรกิจที่ซื่อสัตย์ หากคุณคือเจ้าของแบรนด์ หรือทำงานด้านโฆษณาออนไลน์ เราขอเชิญคุณ ตรวจสอบข้อความโฆษณาทุกครั้งก่อนเผยแพร่

หากพบข้อความโฆษณาเกินจริง

แจ้งได้ที่

  • เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th
  • Oryor Smart App
  • โทรสายด่วน 1556
  • หรืออีเมล 1556@fda.moph.go.th

ที่มา :

  • เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์
  • เว็บไซต์ bcp.nbtc.go.th

ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์สวยๆ ตอบสนองต่อธุรกิจ สู่ระดับสากล

เริ่มต้นกับ Thaiprintshop : ไม่มีขั้นต่ำสั่งผลิต