เคล็ดลับที่ต้องรู้ก่อนพิมพ์งานอิงค์เจ็ท เพื่อให้ได้ผลงานที่สมบูรณ์แบบ
การพิมพ์งานอิงค์เจ็ท เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส และพิมพ์ลงบนวัสดุได้หลากหลาย
ปัจจุบันการออกแบบผลงานออกมาในแต่ละชิ้นนั้นจะต้องมีองค์ประกอบหลายๆ ปัจจัยเข้ามาช่วยส่งเสริมให้ชิ้นงานสมบูรณ์แบบมากที่สุด และในส่วนของอุตสาหกรรมธุรกิจการพิมพ์ เรื่องของการออกแบบยิ่งมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสื่อสิ่งพิมพ์ส่วนใหญ่นั้นถูกใช้เพื่อเป็นการโฆษณา โปรโมท ประชาสัมพันธ์เป็นหลัก ดังนั้นสิ่งพิมพ์แต่ละชนิดต้องได้รับการออกแบบ ดีไซน์ให้มีความสวยงาม เพื่อนำออกไปสู่สายตาผ่านนอกได้อย่างมีสมบูรณ์แบบมากที่สุด
สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์แล้วนอกจากการออกแบบ ดีไซน์ที่ต้องออกมาดี เรื่องของสีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอย่างมาก เนื่องจากสีที่ใช้ในวงการของสิ่งพิมพ์นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ CMYK และRGB ซึ่งระบบของโหมดสีทั้งสองแบบนี้จะมีลักษณะการใช้งานคล้ายๆกัน แต่จะไม่สามารถนำเอาไปใช้งานได้เหมือนกัน เพราะระบบทั้งสองแบบนี้จะมีการแสดงผลที่ต่างกันอย่างชัดเจน และสำหรับนักออกแบบก็จะมีโทนสีของ Pantone ที่มาเป็นตัวช่วย และแยกแยะลักษณะของสีเพื่อนำมาใช้ในการออกแบบได้สะดวกสบายมากขึ้น และวันนี้ Thaiprintshop ของเราจะมาเปรียบเทียบข้อแตกต่าง ระหว่าง CMYK และRGB รวมถึงสี Pantone กันว่าจะมีลักษณะอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่า “CMYK” สำหรับตัวอักษรทั้งสี่นี้ย่อมาจากสีหลักที่ใช้ในการพิมพ์(ตามตัวอักษรด้านล่าง) ซึ่งในชุดนี้จะสามารถกำจัดค่าสีที่ตาของเราไม่สามารถแยกออกให้แสดงผลออกมาได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ออกแบบ และแน่นอนการใช้สีระบบนี้ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้งาน โดยส่วนมากแล้วจะถูกนำไปใช้กับสิ่งพิมพ์ได้หลายประเภท อาทิเช่น ป้ายไวนิล โปสเตอร์ บิลบอร์ด และงานพิมพ์ที่เหมาะกับระบบสีประเภทนี้คือ แบบ Offset ,Digital และInkjet และในส่วนสำคัญคือโปรแกรมที่นำมาใช้ในการออกแบบ จะต้องตั้งค่าให้เป็นระบบ CMYK เท่านั้นโปรแกรมที่นิยมใช้ออกแบบจะมี Adobe Illustrator ,Adobe Photoshop ,Adobe Indesign ที่นักออกแบบส่วนใหญ่ใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลงานออกมา แต่จะต้องเข้าไปตั้งค่าในโปรแกรมก่อนที่จะเริ่มออกแบบด้วยนะ
– C (Cyen = สีฟ้า)
– M (Magenta = ม่วง)
– Y (Yellow = เหลือง)
– K (Key = ดำ)
“RGB” คือระบบของสีที่มีการหักเหของแสงจนเกิดเป็นสีรุ้งขึ้นมาให้เราสามารถเห็นได้ถึง 7 เฉดสีที่เราเห็นได้จากท้องฟ้าหลังฝนตก หรือน้ำที่เป็นละอองแล้วไปกระทบกับแสงอาทิตย์ ซึ่งสีเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากแม่สีทั้ง 3 คือ สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว โดยทั้งสามสีนี้ยังสามารถผสมออกมาให้เป็นสีหลักได้อีกถึงสามสี อย่าง สีเหลือง สีน้ำเงิน และสีแดง แต่สำหรับสีในระบบ RGB จะไม่เหมาะกับการนำไปใช้ในงานออกแบบเพราะความละเอียดของเม็ดสีจะมีไม่เท่ากับ CMYK ซึ่งในส่วนของระบบสี RGB จะนิยมนำมาใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่าง โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิทัล หรือหน้าจอแสดงผลต่างๆ
แม่สีทั้ง 3 ของ RGB
– R (Red = แดง)
– G (Green = เขียว)
– B (Blue = น้ำเงิน)
การผสมของสีทั้ง 3
– R+G = Y (Yellow = สีเหลือง)
– G+B = C (Cyan = สีน้ำเงิน)
– R+B = M (Magenta = สีแดงอมชมพู)
หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ ระบบสีแบบ CMYK เป็นระบบที่ใช้สำหรับงานออกแบบ งานกราฟิกที่แสดงผลผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ และใช้สำหรับในระบบสีของงานพิมพ์เพื่อรองรับความละเอียดของสีที่พิมพ์ออกมาในแต่ละครั้งให้ได้ความชัดเจนมากที่สุด ส่วนระบบสี RGB จะเป็นระบบที่ใช้สำหรับแสดงผลในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก อย่าง ทีวี โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หน้าจอต่างๆ
“PENTONE” คือหนึ่งในการแยกเฉดสีที่เป็นระบบ มีมาตรฐาน ที่มีความแม่นยำมากที่สุด และถูกนำไปใช้โดยนักออกแบบในหลายอาชีพ ทั้ง งานกราฟิก สถาปนิก หรืออาชีพที่ต้องสีเป็นส่วนหนึ่งในงาน ซึ่ง PENTONE ถูกสร้างขึ้นมาในประเทศสหรัฐอเมริกา และต่อมาก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยความเที่ยงตรงของเฉดสี และมีสเปคให้เลือกมากกว่าร้อยสีเลยทีเดียว นั้นจึงทำให้ PENTONE เป็นที่ยอมรับในวงกว้างสำหรับอาชีพที่ต้องใช้เฉดสีในการทำงานนั่นเอง
การพิมพ์ในระบบดิจิตอลออฟเซ็ตนั้นไฟล์งานควรอยู่ในโหมด CMYK เพราะถ้าไม่อย่างนั้นจะทำให้สีที่ออกมานั้นเพี้ยนไปจากหน้าจอคอมนั่นเองค่ะ ซึ่งโปรแกรมในกลุ่ม Adobe ก็สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดสีได้อย่างง่าย
โปรแกรม Illustrator
วิธีตั้งค่าให้เป็น โหมด CMYK โดยเริ่มจากเข้าเมนู File >> New >> Color Mode >> CMYK Color
หรือ ตั้งค่าอีกแบบได้ที่ เมนู File >> Document Color Mode >> CMYK Color