Call: 064-246-5614 | Line : @thaiprintshop
By admin T | 24/12/2021 | บทความ
ในงานของโรงพิมพ์ สำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งงานพิมพ์สักชิ้น หากลูกค้ามีไฟล์งานสำเร็จรูป ที่พร้อมสำหรับขั้นตอนในการผลิต แต่ดันโดยโรงพิมพ์บอกกลับมาว่า ไฟล์ที่เราบันทึกมานั้นมีความละเอียดที่น้อยเกินไป หรือมีความละเอียดไม่เพียงพอกับประเภทของงานที่ต้องการพิมพ์ เนื่องจาก ความละเอียดของภาพ หรือความละเอียดของไฟล์งานต่างๆ มีความละเเอียดไม่ถึง 300 DPI ซึ่งโดยส่วนมากแล้วลูกค้าทั่วไปอาจจะไม่ทราบถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นส่วนที่ต้องมีความรู้เฉพาะด้านจริงๆ ถึงจะเข้าใจ
สำหรับอาชีพกราฟิก หรือนักออกแบบ ในส่วนของการทำงาน การสร้างสรรค์ชิ้นงานให้ออกมาแต่ละครั้งนั้นจะต้องมีการเตรียมความพร้อม ในเรื่องข้อมูล และการวางแผนเพื่อสำหรับการจัดวางรูปแบบของงาน และหนึ่งในขั้นตอนนี้จะมีส่วนสำคัญที่กราฟิกนักออกแบบต้องใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นั่นก็คือการตั้งค่า “DPI” ที่จะเป็นตัวกำหนดขนาดของไฟล์เพื่อนำไปใช้ในงานพิมพ์ที่ต้องการ ซึ่งการตั้งค่า DPI ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานส่วนอื่นๆ อีกหลายประเภทเลยทีเดียว ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ค่า DPI กันว่าคืออะไร และต้องใช้ขนาดเท่าไร ถึงจะเหมาะกับงานในแต่ละประเภท รวมไปถึงการตรวจสอบขนาดของไฟล์
“DPI” ย่อมาจาก dots per inch คือจำนวนของหน่วยวัดค่าที่จะบอกถึงพื้นที่อยู่ใน 1 ตารางนิ้ว ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดในแต่ละช่องนั้นจะมีค่าสีต่อช่องกี่จำนวนนั้นเอง หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ Pixel นั่นเอง ซึ่งการบอกค่าจำนวนของ DPI นั้นจะขึ้นอยู่กับตัวเลข หรืออธิบายง่ายๆก็คือ ยกตัวอย่างเช่นใน 1 ตารางนิ้วเราตั้งค่า DPI ให้อยู่ที่ 300 หน่วย ซึ่งก็จะมีเม็ดของ Pixel เป็นหน่วยรวมอยู่ด้วย และผลที่จะแสดงออกมาเป็น กว้าง x ยาว คือ 1 ตารางนิ้วจะเท่ากับ 300×300 นั้นก็หมายความว่าเราจะได้ค่าสีออกมาอยู่ที่ 90,000 สี อยู่ในพื้นที่ที่เรากำหนด หากมองดูแล้วอาจจะเกิดคำถามว่า แล้วหน่วยวัดชนิดนี้มีความสำคัญกับงานออกแบบกราฟิกอย่างไร คำตอบคือ ค่าของ DPI นั้นจะเป็นตัวกำหนดความคมชัด ของงานได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น เวลาที่เราต้องการเอารูปเข้ามาประกอบในงานจะต้องดูความละเอียดของภาพเป็นอันดับแรก ซึ่งขนาดของแต่ละภาพก็จะมีเท่ากัน อย่างเช่น 400×400 / 600×500 / 1200×1200 และในส่วนนี้ยิ่งมีค่า DPI สูงคุณภาพของรูปที่นำมาก็จะยิ่งมีความชัดเพิ่มขึ้นไปตามค่าที่ได้นั่นเอง
จากที่ได้เกริ่นไปในหัวข้อข้างต้น ขนาดของไฟล์ DPI จะมีความสำคัญอย่างมากเพื่อนำไปใช้ในงานพิมพ์ เนื่องจากการพิมพ์งานออกมาในแต่ละครั้ง ชิ้นงานที่ได้ออกมาจะต้องมีความสวยงาม และสมบูรณ์แบบมากที่ เพราะการสั่งผลิตต้องมีต้นทุน ฉะนั้นแล้วหากงานออกมาไม่ดี และไม่ได้คุณภาพ ก็จะทำให้ผลงานชิ้นนั้นเสียหายได้เช่นกัน ซึ่งในส่วนของค่า DPI สำหรับเพื่อนำมาใช้ในงานพิมพ์ โดยส่วนมากแล้วจะต้องมีการตั้งค่าอยู่ที่ 300×300 เป็นอย่างต่ำ เนื่องจาก หากเรามีการตั้งค่าสีให้ต่ำกว่า300 x 300 นั้นก็จะทำให้มีค่าสีที่ไม่พอสำหรับการออกแบบ และนั้นก็จะส่งผลไปถึงภาพที่แสดงออกมา โดยเราจะดูได้จากขอบของภาพนั้นจะเป็นเหมือนกับรูปตัวการ์ตูน Pixel ที่เป็นขอบจะไม่มีความมนกลม แต่จะเป็นเหลี่ยมๆ เป็นชั้นซ่อนๆ กันปรากฏออกมาให้เราได้เห็น
แต่สำหรับงานกราฟิกที่ต้องนำออกมาผลิตจะต้องมีขนาดของไฟล์อยู่ที่ 720×720 เป็นอย่างน้อย และไม่ควรเกิน 1200×1200 เป็นอย่างมาก เนื่องจากไฟล์ขนาดนี้เมื่อสั่งพิมพ์ออกมาแล้ว รูปภาพ และลายเส้นของงานจะไม่เกิดการแตก หรือมีขอบเป็นเม็ด Pixel ให้เราได้เห็นนั้นเอง แต่การตั้งค่าไฟล์ DPI ให้มีขนาดต่ำ หรือสูงจนเกินไปก็จะมีข้อเสียอยู่เหมือนกัน อาทิเช่น หากต้องการงานพิมพ์ขนาดเล็กอย่าง แผ่นพับ โปสเตอร์ ใบปลิว ก็อาจจะใช้ไฟล์ DPI ขนาด 720×720 – 980×980 เป็นต้น หรือเป็นงานพิมพ์ขนาดใหญ่อย่าง ป้ายบิลบอร์ด หรือป้ายไฟอาจจะต้องใช้ไฟล์ที่มีขนาด 1200×1200 ขึ้นไป เพื่อความคมชัดของานที่ผลิตออกมานั่นเอง ในกรณีนี้หากเป็นงานพิมพ์ชิ้นใหญ่ไม่ควรมีค่า DPI น้อยจนเกินไป เพราะจะทำให้เมื่อขนาดไฟล์งานในขั้นตอนของการพิมพ์แล้วจะทำให้ภาพที่ออกมาไม่ชัด และภาพแตกได้