วัสดุและระบบการพิมพ์ที่ดีที่ลูกค้านิยมใช้

วัสดุและระบบการพิมพ์ที่ดีที่ลูกค้านิยมใช้

      ทุกวันนี้ธุรกิจโรงพิมพ์ต่างๆ นั้นก็ได้มีการพัฒนามากมายไปเป็นอย่างมาก มีทั้งการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการพิมพ์ ทำให้การพิมพ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานพิมพ์ฉลากสินค้า สติ๊กเกอร์ บรรจุภัณฑ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ก็สามารถที่จะได้ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ตอบโจทย์กับยุคปัจจุบัน อีกทั้งโรงพิมพ์ต่างๆ ก็ยังมีการเลือกใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ ทำให้งานพิมพ์ทุกชิ้นที่ได้ผลิตออกมาก็สามารถที่จะตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

การบริการของโรงพิมพ์ที่ดี

      บริการเป็นกันเองและมีการเลือกใช้วัสดุในการพิมพ์ที่มีคุณภาพ มันก็ย่อมจะทำให้ลูกค้าทุกคนประทับใจกันอีกด้วย ฉะนั้นในการเลือกโรงพิมพ์ของลูกค้าในทุกวันนี้ก็มักจะเลือกจากงานพิมพ์ที่ดี มีการเลือกใช้วัสดุการพิมพ์ที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานได้มากที่สุดโรงพิมพ์ในบ้านเรานั้นก็สามารถที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้ทั้งหมดเลย ซึ่งระบบการพิมพ์ต่างๆ ในทุกวันนี้ก็มีให้ลูกค้าได้เลือกใช้กันได้อย่างเต็มที่ โดยระบบการพิมพ์ต่างๆ นั้นก็สามารถที่จะแบ่งได้ดังต่อไปนี้

ระบบการพิมพ์

1.ระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ท ระบบนี้ก็ถือเป็นระบบการพิมพ์ที่น่าจะเหมาะกับงานประเภทกระดาษหรือสติ๊กเกอร์ซะส่วนใหญ่ งานพิมพ์จะชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่นั้นก็สามารถที่จะรองรับได้แทบทั้งหมดอีกทั้งยังเป็นเครื่องพิมพ์และระบบการพิมพ์ที่ได้รับมาตรฐานที่ดีอีกด้วย เรียกได้ว่างานพิมพ์ที่ได้พิมพ์ออกจากระบบนี้ก็จะตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี แต่จะมีต้นทุนในการผลิตที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเหมาะสำหรับการพิมพ์มากกว่า 1000 ชิ้นขึ้นไป

2.ระบบการพิมพ์แบบอิ้งค์เจ็ท โดยระบบการพิมพ์แบบนี้นั้นก็จะมีความละเอียดที่สูง โดยจะเน้นการผลิตที่ไม่ได้เยอะมากเท่าไร เพราะการพิมพ์ในระบบนี้มันจะทำให้ชิ้นงานออกมามีคุณภาพเป็นอย่างมาก โดยเราสามารถที่จะเพิ่มกระดาษได้ตั้งแต่ 80-250 แกรม ขึ้นไปและสติ๊กเกอร์เราก็สามารถที่จะพิมพ์ได้แทบทั้งหมด แต่ถ้าจะเทียบความละเอียดระหว่างระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ทนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะเทียบเท่าได้เลย เพราะระบบออฟเซ็ทก็สามารถที่จะทำได้ดีกว่า และ ละเอียดกว่า

3.ระบบการพิมพ์แบบซิลค์สกรีน เป็นอีกหนึ่งระบบการพิมพ์ที่สามารถพิมพ์วัสดุได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระดาษหรือสติ๊กเกอร์ชนิดต่างๆ พลาสติกแทบทุกชนิดระบบนี้ก็สามารถที่จะทำได้แทบทั้งหมด โดยส่วนใหญ่แล้วระบบการพิมพ์ชนิดนี้ก็มักจะพิมพ์พวกสติ๊กเกอร์พีวีซีและก็เหมาะสำหรับการพิมพ์ที่น้อยและไม่เยอะมากอีกด้วย แต่ถ้าให้เทียบความละเอียดระหว่างระบบออฟฟเซ็ทนั้นก็แทบที่จะสู้ไม่ได้เลย แต่ระบบนี้ก็สามารถที่จะพิมพ์ชิ้นงานได้ตั้งแต่น้อยๆ จนถึงปานกลางเท่านั้น และระบบสีก็จะเป็นในรูปแบบสีตาย ไม่สามารถที่จะไล่โทนสีได้ตามใจเรา

4.ระบบการพิมพ์แบบดิจิตอลออฟเซ็ท การพิมพ์ในระบบนี้นั้นเราก็สามารถที่จะพิมพ์ได้ในจำนวนน้อยๆ และไม่เยอะเท่าไรนัก โดยจะเป็นการพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่มีความละเอียดที่สูงเป็นอย่างมาก สามารถที่จะเลือกใช้กระดาษได้ตั้งแต่ 80-250 แกรมด้วยกัน อย่างไรก็ตามนั้นการพิมพ์ชนิดนี้ก็สามารถที่จะเทียบเท่ากับระบบการพิมพ์ออฟเซ็ทได้เลย ซึ่งก็เลยทำให้การพิมพ์งานระบบนี้ก็เหมาะกับการพิมพ์ที่ไม่เยอะเท่าไร นอกจากนี้เราก็ยังสามารถที่จะเลือกใช้บริการหลังการพิมพ์ต่างๆ ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าระบบการพิมพ์ดิจิตอลออฟเซ็ทก็น่าจะตอบโจทย์สำหรับคนงบประหยัดได้เช่นกัน

ความสำเร็จของโรงพิมพ์ต่างๆ และระบบการพิมพ์ที่ลูกค้านิยมเลือกใช้นั้น จริงๆ แล้วเราก็จะต้องดูที่คุณภาพและเรื่องราคาด้วยว่ามันเป็นไปตามที่เราได้ตั้งใจไว้หรือเปล่า และถ้าหากโรงพิมพ์ที่มีการเลือกให้บริการที่ดีทำให้ลูกค้าประทับใจได้ นั้นมันก็จะส่งผลทำให้โรงพิมพ์ของเรานั้นได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างแน่นอน

       ดังนั้นการที่ลูกค้าจะเลือกนิยมใช้โรงพิมพ์หรือจะเลือกใช้วัสดุต่างๆ จากโรงพิมพ์เราก็จะต้องดูด้วยว่าโรงพิมพ์ของเราสามารถที่จะตอบโจทย์ได้มากน้อยขนาดไหน แต่ถ้าหากเราไม่มีสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นก็อาจจะทำให้ลูกค้าไม่สนใจก็ได้เช่นกัน

สรุป:

      สิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องระบบและเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีความทันสมัย สามารถที่จะตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ ถ้าหากระบบการพิมพ์หรือมีเทคโนโลยีที่ดีขนาดไหน แต่เราไม่สามารถที่จะบริการได้อย่างเต็มที่ให้กับลูกค้าได้นั้น ก็อาจจะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จได้

ซึ่งงานพิมพ์ที่ดีก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะต้องเลือกวัสดุที่ดี แต่ความใส่ใจในด้านบริการ ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ แน่นอนมันก็ย่อมจะทำให้งานพิมพ์ของเราออกมามีความน่าสนใจและเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ส่วนวัสดุที่ลูกค้านิยมเลือกในทุกวันนี้สำหรับการนำมาจัดพิมพ์ชิ้นงานต่างๆ หลักๆ แล้วก็น่าจะดูราคาเป็นหลัก

ถ้าราคาโอเค และ วัสดุดีมีคุณภาพ แน่นอนมันก็ย่อมจะทำให้ลูกค้าสามารถที่จะตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าแพงมาก อันนี้ผมคิดว่าลูกค้าก็อาจจะไม่สนใจก็ได้เนื่องจากอาจจะเป็นการเพิ่มต้นทุนที่ไม่จำเป็นและมันก็อาจจะส่งผลเสียไปถึงกลุ่มลูกค้าก็ได้เช่นกัน